“เด็กติดเกม” อันตรายถึงขั้นช็อก-ตายคาจอ อันตรายที่ผู้ปกครองควรระมัดระวัง
จิตแพทย์ เผยเด็กไทยติดเกมอันดับต้นๆ ของโลก
เหตุพ่อแม่เลี้ยงลูกด้วยมือถือ หวังให้อยู่นิ่งๆ สุดท้ายทำเสียสายตา อ้วน
มีปัญหาสุขภาพจิต ขาดการสื่อสาร ไม่เข้าสังคม มีปัญหา หากติดเกมหนัก ไม่กินไม่นอน
อาจถึงขั้นช็อก ตายคาจอ
ทำไมเด็กไทยถึง “ติดเกม”
เป็นอันดับต้นๆ ของโลก?
นพ.ยงยุทธ์ วงศ์ภิรมย์ศานติ์
อดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้จัดภาวะติดเกมเป็น 1
โรคทางจิตเวชที่ต้องได้รับการรักษา หรือเรียกว่าภาวะเสพติดพฤติกรรม
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีปัญหาเด็กติดเกมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะพ่อ
แม่ขาดความเข้าใจ เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ ให้เล่นเกมเพื่อจะได้อยู่นิ่งๆ
และอยู่ในสายตา พอมากเกินไปทำให้เด็กมีปัญหาการติดเกม เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น
ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเลยโดยเฉพาะวัยรุ่นชาย ทั้งนี้
จากข้อมูลมีเด็กที่เข้ารับการปรึกษาปัญหาติดเกมอายุน้อยสุดอยู่ในวัยอนุบาล
อันตรายที่เกิดขึ้น เมื่อ “เด็กติดเกม”
เสียสายตา อาจมีปัญหาสายตาสั้น
หรือเอียงตั้งแต่อายุยังน้อย
อ้วนมาก เป็นโรคอ้วน เพราะขาดการเคลื่อนไหว
มีปัญหาสุขภาพจิต ไม่สื่อสาร ไม่เข้าสังคม
หนีปัญหา พอเกิดปัญหาก็หนีไปหาเกม
ติดเกมหนักไม่ยอมกินยอมนอน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ
สูญเสียเกลือแร่ และความสมดุลของร่างกาย ทำให้เกิดภาวะช็อก เสียชีวิตคาจอ
ยิ่งถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจถือว่าอันตรายเพิ่มขึ้น
วิธีป้องกันไม่ให้เด็กติดเกม
ขอให้ผู้ปกครองเอาใจใส่บุตรหลาน ยึดหลัก 3
ต้อง 3 ไม่ คือ
ต้องกำหนดเวลาเล่นไม่เกิน 2
ชั่วโมงต่อวัน
ต้องตกลงโปรแกรมและเลือกประเภทเกมให้ลูก เช่น
เกมบริหารสมอง ลดเกมที่เสี่ยงความก้าวร้าวอย่างการฆ่ากันยิงกัน พ่อแม่ต้องอยู่ด้วย
ต้องเล่นกับลูก เพื่อสอนให้คำแนะนำกันได้
ส่วน “3 ไม่” ได้แก่
* พ่อแม่ไม่เล่นเป็นตัวอย่าง
* ไม่เล่นในเวลาครอบครัว
* ไม่เล่นในห้องนอน
หากมีปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูบุตรหลาน
ปรึกษาได้ที่ สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
กองจิตเวชและประสาทวิทยา
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เว็บไซต์ http://www.psychiatry.or.th/ หรืออีเมลล์
secretary@psychiatry.or.th
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย




ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น